ลิสซิ่ง เครื่องจักรคืออะไร ทำอย่างไร

หลายคนคงเคยได้ยินลิสซิ่งรถยนต์กันมาบ้าง แต่ก็ยังมีลิสซิ่งอีกประเภทหนึ่งที่อาจจะไม่คุ้นหูเท่าไหร่นั่นคือลิสซิ่งเครื่องจักร แล้วลิสซิ่งเครื่องจักรคืออะไร มีไว้สำหรับใคร มีเครื่องจักรประเภทไหนบ้าง แล้วการลิสซิ่งเครื่องจักร เหมือนการผ่อนซื้อเครื่องจักรไหม เราสรุปเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการลิสซิ่งเครื่องจักรมาให้แล้วครับ

ลิสซิ่งเครื่องจักรจะคล้าย ๆ กับการเช่าเครื่องจักร โดยจะจ่ายเงินให้เป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงิน และระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา และเมื่อครบกำหนดแล้วผู้เช่าสามารถเลือกได้ว่าจะทำการเช่าเครื่องจักรต่อไป หรือซื้อต่อ หรือคืนให้กับผู้ให้เช่า วิธีการลิสซิ่งนี้จึงเหมาะกับบริษัท, องค์กรนิติบุคคลที่ไม่ต้องการใช้เงินก้อนจำนวนมากเพื่อซื้อเครื่องจักร ทำให้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจได้มากขึ้น

แล้วนอกจากนี้การลิสซิ่งเครื่องจักร มีประโยชน์ต่อองค์กรหรือบริษัทต่าง ๆ ในด้านไหนได้อีก ช่วยควบคุมรายจ่ายได้ไหม ลดหย่อนภาษีได้หรือเปล่า แล้วดีกว่าการซื้อขาดยังไง ติดตามอ่านต่อได้เลยครับ

ลิสซิ่งเครื่องจักร คืออะไร?


ต้องอธิบาย ”สัญญาลิสซิ่ง” ก่อนว่าคืออะไร? ง่าย ๆ เลยก็คือเป็นสัญญาที่ให้เราสามารถนำผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเช่านั้น ๆ นำมาใช้ประโยชน์ได้โดยจะมีการจ่ายเงินเป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อครบกำหนดผู้เช่าสามารถเลือกได้ว่าจะเช่าต่อ ซื้อต่อ หรือคืนให้กับผู้ให้เช่าครับ ซึ่งการลิสซิ่งนี้ สามารถทำได้ทั้งกับ รถยนต์, เครื่องจักร, เครื่องมือแพทย์, อุปกรณ์สำนักงา, อุปกรณณ์ไอที หรือจะเป็นเครื่องมือด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ได้ดังนั้นลูกค้าที่จะมาทำการลิสซิ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นกลุ่ม นิติบุคคล องค์กร บริษัท มากกว่าเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไปครับ


ทำไมถึงต้องลิสซิ่งเครื่องจักร? 


การลิสซิ่งเครื่องจักรเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจได้ครับ เพราะจะได้ไม่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อซื้อเครื่องจักร ทำให้มีเงินทุนมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจได้คล่องตัวขึ้น นอกจากนั้นค่าเช่าของการลิสซิ่งเครื่องจักรยังจ่ายเท่ากันในทุก ๆ เดือน เพราะเป็นการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถคำนวณต้นทุนต่อเดือนได้ง่ายกว่าด้วยครับ 


อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจก็คือเมื่อหมดสัญญา เราไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเครื่องจักรนั้น ๆ ต่อไปอีก ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ต้องจมอยู่กับเครื่องจักรที่เก่า หรือล้าสมัยทำให้เราสามารถนำเครื่องจักรเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ได้ และการทำลิสซิ่ง ยังเป็นค่าเช่ารายเดือนที่ถือเป็นค่าใช้จ่าย 100% ซึ่งตรงส่วนนี้สามารถนำมาใช้ลดภาษีได้ตามกฎหมายด้วย

ตัวอย่างเครื่องจักรที่สามารถลิสซิ่งได้ เช่น เครื่องฉีดพลาสติก, แท่นพิมพ์, เครื่องกลึง, เครื่องกัด, เครื่องตัดโลหะ, เครื่องเลเซอร์, เครื่องทอผ้า, โฟล์คลิฟท์ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยระยะเวลาในสัญญาลิสซิ่งก็จะแล้วแต่คู่สัญญากำหนดครับ โดยสามารถเลือกได้ตั้งแต่ 12, 24, 36, 48, 60 เดือน หรือมากกว่านั้น

ประเภทของสัญญาลิสซิ่งเครื่องจักร


สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมและความต้องการโดยจะมีด้วยกัน 3 ประเภทดังนี้

  • สัญญาเช่าดำเนินงาน
    เราสามารถส่งคืนอุปกรณ์เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าโดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ เหมาะกับเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
  • สัญญาเช่าการเงิน
    สามารถเลือกเป็นเจ้าของเมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า สัญญาชนิดนี้เหมาะกับบริษัทที่อาจจะต้องการเป็นเจ้าของหรือใช้เครื่องจักรยาวนานกว่าระยะเวลาเช่า
  • สัญญาขายและการเช่ากลับ
    เราสามารถนำเครื่องจักรที่ปลอดภาระมาขายและเช่ากลับคืนเพื่อการใช้งาน ช่วยให้เราได้เงินกลับไปลงทุนขณะที่ยังมีเครื่องจักรไว้ใช้งาน คล้าย ๆ กับการรีไฟแนนซ์


ผู้ให้บริการลิสซิ่งเครื่องจักรมีมากมายทั้งจากธนาคารพาณิชย์, บริษัทเงินทุน, บริษัทจดทะเบียนทั่วไป ซึ่งในการติดต่อเรื่องสัญญาลิสซิ่ง ควรเดินทางไปที่สาขาของผู้ให้บริการ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนก็ได้ครับ

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *